หน้าเว็บ

Thanks for drop by!

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Lotteria : one of my favorite fast-food

Lotteria : How do I live without???

Loteria fast-food สัญชาติเกาหลีที่เราหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองกับเมนู chicken fillet หรือที่บ้านเราเรียกเมนูนี้ว่า 'ไก่ไม่มีกระดูก' นั่นแหละค่ะ 

ที่เกาหลีเราสามารถพบเห็นและเดินผ่านร้านฟาสฟู้ดสีแดงเหลืองสัญชาติพี่เกาเค้าเองได้มากและบ่อยครั้งกว่าร้านประเภทเดียวกันนี้ที่อิมพอร์ตเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น พี่แมค McDonald,  ลุงแซน KFC, Burger King เป็นต้น





วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Shopping at Busan^^

Shopping at Night @Busan


สถานที่ชอปปิ้งตอนกลางคืนที่พูซานเปิดขายมากมายหลายแห่งค่ะ Alexเพื่อนเราแนะนำเราให้มาชอปที่ shopping streets แถวๆมหาวิทยาลัยพูซาน


Published with Blogger-droid v2.0.9

Busan Tower

Busan Tower & Yongdusan Park


โปรแกรมของเราวันนี้คือการเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ที่หอคอยพูซานและบริเวณโดยรอบ ก่อนขึ้นเรือชมเทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติที่จัดขึ้นบริเวณชายหาด


วันที่เราไปตรงกับวันอาทิตย์มีนักท่องเที่ยววัยคุณลุงคุณป้าเต็มไปหมด นับว่าคึกคักมากทีเดียว ด้วยทางขึ้นค่อนข้างเล็กและแคบมากกว่าจะขึ้นถึงที่บริเวณจุดจอดรถจึงใช้เวลานานพอสมควรค่ะ


Published with Blogger-droid v2.0.9

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Going to KOR^^

Autumn in South Korea


เป็นครั้งแรกที่ใช้บริการสายการบินโคเรียน แอร์ (KE) ค่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยใช้บริการสายการบินไทยหลายไฟล์ทนะคะ โดยรวมค่อนข้างประทับใจค่ะ แต่ติดนิดเดียวเรื่องความเก่าค่ะ ความเก่าของเก้าอี้นั่งภายในตัวเครื่องนี่แหละค่ะ ไม่ใช่ทุกไฟล์ทหรอกนะคะ บางรอบขาไปโอเคแต่ขากลับนี่สิคะต้องนั่งเก้าอี้เบาะขาด เป็นจุดด่างๆประปราย เพื่อนเราเลยแนะนำให้นั่งCX ค่ะ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เราลองไปหนึ่งรอบค่ะ ชอบนะคะเพราะภายในสะอาดเบาะที่นั่งใหม่ ช่วยให้หลับสบายเลย แต่ก้อเสียอย่างนึงคือต้อง transit ที่ฮ่องกงค่ะ ด้วยราคาที่ถูกแต่ต้องเสียเวลา transit เกือบๆสองชั่วโมงก้อนับว่าเริ่ดนะคะ


Published with Blogger-droid v2.0.9

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Autumn Night at Namsan

ครั้งนี้เป็นครั้งที่3ในรอบ4ปีที่ได้มาเยือน N Seoul Tower ครั้งนี้เพื่อนๆเราต่างงงและมีท่าทางสงสัยใคร่รู้มากผิดปกติว่าเพราะเหตุใดเรามาเยือนเนินเขานัมซานอีก เพื่อนตัวดีทำสีหน้ากรุ่มกริ่มพร้อมพูดกระซิบเบาๆแต่ก้อดังพอให้อีก3ชีวิตในห้องพักโรงแรมได้ยินชัดเจนว่า "จะคล้องกุญแจอีกละเหรอ อย่าซื้อแม่กุญแจน่ารักโนะเนะเลยนะ เสียดายเงินอะ"

เพื่อนๆที่นั่งฟังอย่างตั้งใจกันต่างระเบิดเสียงหัวเราะทำนองสะใจ แย่งกันแซวเรา ซ้ำยังแนะว่าหากต้องการให้มีคู่รักและความสัมพันธ์ที่ยาวนานควรต้องแวะไปอยุธยาก่อนขึ้นเครื่องมาเกาหลี แค่นั้นเราก้อเก็ทละค่ะ อย่างเราเนี่ยคงต้องเป็นแม่กุญแจคล้องโซ่ล่ามช้างอันใหญ่ยักษ์เท่านั้นถึงจะดึงผู้ชายไว้กะตัวได้!! ...ค่ะ... ชิส์....เชิ่ดใส่!!!

ไม่จริงเลยสักนิดนะคะ เราไม่เคยคิดอยากจะชวนใครมาคล้องแม่กุญแจล็อคติดกับรั้วเหล็กบนหอคอยเสียหน่อย แม้จุดมุ่งหมายหลักที่คู่วัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งหลายต่างพากันมาที่นี่คือความเชื่อที่ว่าการได้คล้องแม่กุญแจล็อคติดกับรั้วเหล็กบนหอคอยแล้วโยนลูกกุญแจทิ้งเสียจะทำให้หัวใจของพวกเขามีกันและกันตลอดไป ล็อคหัวใจ2ดวงติดกันเพื่อความรักที่ไม่มีวันพลัดพลาดจากลาชั่วกาลนาน.... Lock of Love...

ขอบอกเลยนะคะ แบบไม่หมกเม็ดใดๆ ไม่แอปนะคะ ...Lock of Love ไม่มีพลังดึงดูดนำพาเราไปยังเนินเขานัมซานหรอกค่ะ แต่ที่หัวใจเราร่ำร้องเรียกหาอยากไปเยือนก้อคือโซนพลาซ่าที่มีร้านขายของที่ระลึกกะ shopขายของเกี่ยวกับน้องหมี Teddy Bear ค่ะ!

แม้จริงๆเราชอบของที่ระลึกที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากกว่า ที่ชอบมากกว่านั้นคงเป็นเพราะการผสมผสานลายศิลปะประจำชาติเข้ากันได้ดีกับความน่ารักกุ๊กกิ้กในแต่ละชิ้นอัน เท่าที่สังเกตุของที่ระลึกที่เกาหลีนั้นแต่ละชิ้นมักออกไปแนวใดแนวหนึ่งเลย คือน่ารักก้อน่ารักมากจริงๆค่ะ ดูดเงินเราได้ง่ายดายเหลือเกิน หากเราอยากได้แบบแนวเกาหลีๆก้อมักเป็นพวกของฝากที่เหมาะนำไปให้ผู้ใหญ่เสียมากกว่าอยากซื้อเก็บไว้เองค่ะ ซึ่งคิดดูก้อดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นเราก้อจะถูกสะกดให้ยอมเสียเงินมากหลายกับของที่นำกลับไปให้แม่บ่นว่าซื้อมาเก็บจนไม่มีที่วาง และต้องคอยโละอันเก่าๆทั้งหลายลงกล่องไปเสียดายเงินจริงเชียว 55 นี่แหละโรคประจำตัวของสาวๆหลายคน

แต่ด้วยราคาของเกาหลีที่ย่อมเยาว์กว่ามาก แม้ไม่น่ารักเท่าก้อไม่เป็นไรค่ะ ชอปค่ะ... ชอบค่า!!

Published with Blogger-droid v2.0.9

Dam & Roo Pool Villa & Spa Resort

♥Dam & Roo @Jeju-do♥
ที่พักสุดแสนสบาย แทบไม่อยากออกจากห้องไปไหนเลยค่ะ กลัวใช้ห้องไม่คุ้มราคา ขาดทุน…อิอิ…ที่พักที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆค่ะ

ห้องสวยเหมือนรูปที่ลงใน ad เฟอร์นิเจอร์ใหม่ คุณภาพดี สะอาดมากด้วยนะคะ ไม่ว่าตามซอกหลืบหรือพวกโคมไฟในห้องล้วนปราศจากฝุ่น ประทับใจจริงๆค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาปัดกวาดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ห้องพักที่นี่มี 3สไตล์แตกต่างกันตามแต่ละชั้นค่ะ เราเลือกชั้น3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดค่ะ ชื่อห้อง 「Rooms-Hnoni/Binari」ห้องชุดชั้น3 จะเป็นแบบเดียวที่มี Outdoor Private Pool ค่ะ ว่ายน้ำพร้อมชมวิวบนดาดฟ้าหายเครียดได้ดีเลย

Published with Blogger-droid v2.0.9




mini mini Land @Jeju-do

ヾ(@⌒ー⌒@)ノ
Miniature Theme Park : Jeju

วันนี้เป็นวันที่2ที่อยู่เกาะเชจูค่ะ ตื่นเต้นมากๆที่จะได้มาเยือน mini mini Land เมื่อคืนเราหยิบแผ่นพับ brochure สถานที่ท่องเที่ยวมาปึกใหญ่เลยค่ะจาก Lobby ของโรงแรม หลังจากดู brochures ทุกแผ่นสแกนทุกรูปทุกหน้า mini mini Land นี่แหละที่เราร้องร่ำจะมาให้ได้ หว่านล้อม oppa ให้พามาที่นี่เป็นที่แรกของวัน ก้ออยากมาเดินเล่นท้าลมหนาว ถ่ายรูปเจ้าสถานที่ท่องเที่ยวจิ๋วจำลองจากสถานที่ชื่อดังทั่วโลกค่า

และก้อไม่ผิดหวัง (o^^o)。。 เราสนุกกะการเดินชมเจ้าจิ๋วทั้งหลาย ลั้ลลาตลอดเลยยยย

นักท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัวค่ะพ่อ-แม่และลูกตัวจ้อย ยิ้มหัวเราะวิ่งเล่นกันสนุกสนานเชียวค่ะ ถึงแม้เราไม่มีตัวจ้อยเหมือนคนอื่น เราก้อไม่แคร์ค่ะ วิ่งเล่นเริงร่าคนเดียวสนุกสุดๆ... ชอบจริงๆเลยค่ะการวิ่งเล่นในสวนกลางแจ้งท่ามกลางแดดส่องอย่างอ่อนๆ ลมหนาวแรงๆปะทะหน้าจนชาฝ่ามือขาวซีด เย็นเจี้ยบอย่างนี้แหละที่ถูกจิตถูกใจนัก

Jeju Teddy Bear Museum

ถ้าพูดถึง Teddy Bear Museum ที่เกาหลี ทุกคนคงคิดถึงพิพิธภัณฑ์น้องหมีที่ตั้งอยู่ที่ Seoul N Tower กันใช่ไหมคะ และโดยความเข้าใจเรานั้นก้อคงคิดว่ามันมีที่เดียวที่นั่นแหละ เพราะกี่ครั้งกี่หนที่อ่านรีวิวจากเวปต่างๆหรือได้ชมรูปจากเพื่อนๆ ใครๆเค้าก้อไปเยี่ยมน้องหมีเท็ดดี้กันที่โซล ทาวเวอร์ จะเป็นที่อื่นไม่ได้ไม่มี...?!?

แต่จริงๆแล้ว Teddy Bear Museum มีแทบจะทุกที่ตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเกาหลีเช่น ที่ N Seoul Tower, Heyri, Seorak, Gyeongju เป็นต้น แต่ที่เป็นที่แรกเลยคือที่เกาะเชจูนี่แหละค่ะ และที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์น้องหมีเท็ดดี้ใหญ่ที่สุดในเกาหลีด้วยค่ะ

Teddy Bear Museum ที่เชจูแบ่งออกเป็น 3 โซนค่ะ
•The History : เป็นส่วนประวัติศาสตร์ แสดงความเป็นมากว่า 100 ปีของเจ้าเท็ดดี้แบร์
•The Art : เป็นส่วน gallery จัดแสดงน้องหมีเท็ดดี้น่ารักหลากหลายตัว
•Teddy's Forest : เดินชมน้องหมีและผองเพื่อนในรูปของหุ่นปั้นที่จัดแสดงในสวนสวยข้างนอกตัวอาคาร

สำหรับร้านขายของที่ระลึกจะอยู่บริเวณชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ค่ะ ใกล้ๆกันจะเป็นร้าน fast food สัญชาติเกาหลี 「Lotteria」เปิดบริการค่ะ เมื่อเดินออกไปตรงลานข้างนอกติดๆกันนี้เราจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ไกลๆนะคะ และที่ลานนี้เองจะมีทางลงสู่สวนจัดแสดงน้องหมีนอกอาคาร

Olleh With Love

ทริปนี้ขอขอบคุณ Olleh Egg อุปกรณ์น้องไข่ Portable WiFi ที่ช่วยคลายเหงาให้ตลอดเวลาที่อยู่เกาหลี 「Olleh Egg, ซารางเฮ!」

ก่อนการเดินทางเราค่อนข้างกังวลมาก กลัวเข้าเน็ทไม่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ขาดการติดต่อเม้าส์โน่นนี่กะเพื่อนๆ กลัวหงอยเหงาไม่มีอะไรดูไม่มีอะไรทำ อันที่จริงเราไม่ใช่คนติดแชทหรือบ้าคุยกดมือถือพิมพ์รัวตลอดเวแต่อย่างไร ซ้ำยังเป็นคนไม่ค่อยชอบแชตด้วย พิมพ์ช้าเลยรู้สึกว่าเสียเวลารำคาญมากๆ แต่เนื่องด้วยทริปเกาหลีรอบนี้เราต้องจากบ้านนานหลายวัน เรากลัวเหงา กลัวโดดเดี่ยว กลัวคิดถึงบ้านจนต้องหนีกลับ เพราะรู้ใจตัวเองดีหากไม่ได้คุยได้ติดต่อเพื่อนหรือคนในครอบครัวนานหลายวัน..ตายแน่นอน

ดังนั้นเราจึงสอบถามเรื่องนี้กะจีจี้เพื่อนเลิฟที่อยู่เกาหลี ชีแนะนำให้ใช้ Olleh WiFi Prepaid Internet ID หาซื้อง่ายราคาสบายกระเป๋า ซื้อได้ตามร้าน Convenience Stores ทั่วไป เช่นGS 25 เหมือนกันกับการซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์เมืองไทยนั่นแหละ มีทั้งแบบบัตรที่เราต้องเอามาขูดดูเลข password/ID เองและแบบออนไลท์เหมือนใบเสร็จเซเว่นบ้านเรา

ราคามีให้เลือก2แบบ
☆1,100วอน สำหรับเชื่อมต่อ WiFi ได้ 1ชั่วโมง

★3,300วอน สำหรับการใช้ WiFi 24ชั่วโมง

เมื่ออยู่ในที่ๆมีสัญญาณ Olleh WiFi หน้าจอโทรศัพท์เราจะมี pop up แสดงให้เราใส่ password/ID ที่ได้มาลงไป กด log in ค่ะ เพียงเท่านี้ก้อเชื่อมต่อ internet เล่นได้เลยค่ะ

สำหรับเราซึ่งอยู่เกาหลีนานร่วมเดือน คำนวนแล้วว่าซื้อแบบคาร์ดคงไม่คุ้มเลย บวกกับต้องเดินทางไปต่างจังหวัดด้วย จึงห่วงเรื่องสัญญาณที่ไม่ครอบคลุมมากเท่าไหร่ จึงลองหาข้อมูลพิมพ์หาใน google ดูค่ะ จากการอ่านดูอยู่หลายเวปก้อตัดสินใจไม่ถูก อ่านรายละเอียดไม่ค่อยเข้าใจมากนักเพราะเวปที่เข้าไปดูล้วนเป็นภาษาเกาหลีทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ได้คือมีเค้าเตอร์บริการเช่าสัญญาน Wifi ที่ Incheon International Airport บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าพอดี ก้อเลยตัดสินใจไปถามหาเอาตอนเดินทางถึงดีกว่าน่าจะสะดวกกว่ามาก

หลังจากรับกระเป๋าและผ่านศุลกากรแล้ว เราจึงเดินมุ่งหน้าไปยังส่วนที่เป็นเค้าร์เตอร์บริการต่างๆริมประตูออกนอกตัวอาคาร เดินไปนิดหน่อยก้อเจอป้ายเค้าเตอร์บริการพวกโทรศัพท์ ซึ่งมีเค้าเตอร์เปิดให้บริการ4-5เค้าเตอร์ติดกัน

เรามุ่งตรงไปยังเค้าเตอร์ Olleh ซึ่งว่างไม่มีลูกค้าพอดี เราบอกถึงความประสงค์






★ ตามรูปที่2 จะเป๋นใบเสร็จค่ะ เค้าให้ตอนเราคืนเครื่องและจ่ายเงินค่ะ วันนั้นเราจ่ายเงินไป 112,000วอนค่ะ สำหรับการใช้18วัน คิดเป็นเงินไทยก้อตกประมาณ 3200กว่าบาท เฉลี่ยเป็นวันก้อจะเสียค่าเช่า wifi egg วันละ 180บาทโดยประมาณค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Fireworks Festival in Busan

(^。^)// 8th Busan International Fireworks Festival

เทศกาลดอกไม้ไฟเมืองพูซานจัดติดต่อกันทุกปีมาเป็นปีที่8แล้ว การจัดเทศกาลนี้จัดที่หาด Gwangalli White Sand Beach เราดีใจมากที่รู้ว่าเรามาพูซานตรงกะช่วงวันงานพอดี เราต้องขอขอบคุณ Mr. Kim คุณลุงใจดีที่มอบดินเนอร์สุดหรูบนเรือเพื่ออรรถรสการชมดอกไม้ไฟแบบส่วนตัว เพราะไม่เช่นนั้นเราคงต้องไปเบียดเสียดกับฝูงชนมากมายเต็มแน่นตลอดชายหาดเลยทีเดียว

แต่จากที่เห็นในวันงาน เรือส่วนตัวมีไม่น่าจะเกิน 50ลำนะคะ ทั้งเรือใหญ่สำหรับดินเนอร์ และเรือyacht ที่เช่ากันเองเป็นหมู่คณะ ค่าดินเนอร์แบบบุปเฟ่ต์บนเรือถือว่าราคาสูงพอควรค่ะ อย่างเรือลำที่เราขึ้นราคาโต๊ะละ 32,000บาทโดยประมาณ โต๊ะสำหรับ 4ที่นะคะ ซึ่งหารละจะประมาณหัวละ8,000บาทค่ะ

ส่วนตัวเราคิดว่าคุ้มนะคะ เพราะอาหารรสชาตดีค่ะ เป็นอาหารบุปเฟ่ต์ทั่วไปทั้งเกาหลี จีนและอาหารฝรั่ง อิ่มแน่นอนค่าทั้งคาวหวานเลย สำหรับนักดื่มไวน์ก้อคุ้มเลยค่ะ มีหลากแบรนด์พนักงานคอยเติมตลอดเวลา เบียร์สดก้อมีให้กดตามแต่ต้องการเช่นกันค่ะ

ในแต่ละปีจะมีการจัดงานเทศกาลนี้เพียง2วันค่ะ โดยงานจะเริ่มช่วงค่ำค่ะ ตั้งแต่เวลา 19:00-22:00 อีเว้นต์หลักๆของงานวันแรกคือ K-Pop Concert ค่ะ นักร้องชื่อดังขวัญใจวัยรุ่นจะหมุนเวียนสับเปลี่ยนมาร้องเล่นเต้นโชว์แบบจัดเต็มค่ะ K-Pop Concert ไม่ได้จัดแสดงที่บริเวณชายหาดนะคะ แต่เค้าจะแสดงที่ Busan Asiad Main Stadium ค่ะ วันที่สองซึ่งเป็นวันจัดโชว์ดอกไม้ไฟนั่นแหละค่ะถึงจะไปจัดงานตรง Gwangalli Beach ชายหาดยาวสวยรองรับผู้เข้าร่วมงานได้เป็นหลักหมื่นคนตลอดรอบบริเวณแนวหาดค่ะ

เนื่องจากเราเป็นคนชอบดูดอกไม้ไฟมาก